รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน
มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นวิธีที่สำคัญในการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดอัตราการเสียชีวิตได้ บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตามมาตรฐานนานาชาติและแนวทางจากสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวทางที่โรงพยาบาลนมะรักษ์ แนะนำ
มาตรฐานนานาชาติในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
American Cancer Society (ACS):
o อายุ 40-44 ปี: แนะนำให้เริ่มพิจารณาการตรวจแมมโมแกรมประจำปี
o อายุ 45-54 ปี: แนะนำให้ตรวจแมมโมแกรมทุกปี
o อายุ 55 ปีขึ้นไป: สามารถเลือกตรวจแมมโมแกรมทุกปีหรือทุก 2 ปี ขึ้นอยู่กับสุขภาพทั่วไปและความเสี่ยงส่วนบุคคล
2. United States Preventive Services Task Force (USPSTF):
o อายุ 50-74 ปี: แนะนำให้ตรวจแมมโมแกรมทุก 2 ปี
o อายุ 40-49 ปี: ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเริ่มตรวจแมมโมแกรม โดยพิจารณาปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล
3. European Guidelines (European Commission Initiative on Breast Cancer - ECIBC):
o อายุ 50-69 ปี: แนะนำให้ตรวจแมมโมแกรมทุก 2 ปี
o อายุ 70-74 ปี: ควรพิจารณาการตรวจแมมโมแกรมต่อไปตามสถานะสุขภาพทั่วไปและความเสี่ยงส่วนบุคคล
4. World Health Organization (WHO):
o แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมในผู้หญิงอายุ 50-69 ปีทุก 2 ปี
แนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจากสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย
1. อายุ 20-39 ปี:
o ควรตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Examination - BSE) ทุกเดือนหลังหมดประจำเดือนประมาณ 7-10 วัน
o ควรเข้ารับการตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Examination - CBE) ทุก 3 ปี
2. อายุ 40 ปีขึ้นไป:
o ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนหลังหมดประจำเดือนประมาณ 7-10 วัน
o ควรเข้ารับการตรวจเต้านมโดยแพทย์ทุกปี
o ควรตรวจแมมโมแกรมทุกปี โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งเต้านม
3. ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งเต้านม:
o สำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งเต้านม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจคัดกรองเพิ่มเติม เช่น การตรวจแมมโมแกรมเพิ่มเติม การตรวจ MRI หรือการตรวจทางพันธุกรรม
แนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาลนมะรักษ์
แม้ว่าประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลการศึกษาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม แต่จากข้อมูลของ Thai Breast Cancer Study Group พบว่าคนไทยมีแนวโน้มเป็นมะเร็งเต้านมเร็วกว่าชาวตะวันตกประมาณ 10 ปี โดยอายุเฉลี่ยที่เริ่มเป็นคือ 40 ปี นอกจากนี้ คนไทยยังมีเนื้อเต้านมที่หนาแน่นมากกว่า ดังนั้น แนวทางการคัดกรองมะเร็งเต้านมสำหรับคนไทยโรงพยาบาลนมะรักษ์จึงแนะนำดังนี้:
ตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง หลังประจำเดือนมาวันแรก 3-10 วัน เริ่มตั้งแต่วัยที่มีประจำเดือน
อายุ 20-40 ปี ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมด้วยการคลำทุก 2-3 ปี
อายุ 35-40 ปี ควรเริ่มทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน
อายุ 40-75 ปี ควรทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ทุก 1-2 ปี หากทำทุก 2 ปี ในปีที่เว้นอาจทำอัลตราซาวด์เพียงอย่างเดียว
โรงพยาบาลนมะรักษ์มีแนวทางการตรวจคัดกรองที่เน้นความสะดวก ปลอดภัย และใช้เทคโนโลยีทันสมัย พร้อมกับความเชี่ยวชาญชำนาญของแพทย์เฉพาะทางด้านรังสีวินิจฉัยเต้านม และศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญโรคเต้านม ร่วมกับการนำ AI มาใช้เป็นผู้ช่วยแพทย์อ่านผล
การตรวจแมมโมแกรม: ใช้เทคโนโลยี 3D mammography และ AI ช่วยแพทย์อ่านผล เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
การตรวจอัลตราซาวด์: ใช้อัลตราซาวด์คมชัดสูงและอัลตราซาวด์อัตโนมัติ ช่วยแพทย์ตรวจหาความผิดปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ผลแมมโมแกรมไม่ชัดเจนหรือในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนา
การตรวจด้วย MRI: ใช้เฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้มียีน BRCA หรือผู้ที่เคยฉีดสารเสริมเต้านม โดยส่งต่อไปยังศูนย์ MRI ที่มีความเชี่ยวชาญ
การให้คำปรึกษาและการดูแล: โดยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์เต้านม พร้อมทีมแพทย์และพยาบาลที่ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจขั้นตอนการตรวจและได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
โรงพยาบาลนมะรักษ์มุ่งมั่นในการให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่มีคุณภาพสูง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสำหรับประชากรไทยและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและการรักษา
สรุป
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้ การปฏิบัติตามแนวทางการตรวจคัดกรองตามมาตรฐาน จะช่วยให้ผู้หญิงได้รับการตรวจคัดกรองอย่างเหมาะสมและทันท่วงที ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาและการหายขาดจากโรคมะเร็งเต้านม
หมายเหตุ:: ไม่มีการรับประกันผลลัพธ์ที่ตายตัวและผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
Comentários