
เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์
ที่โรงพยาบาลนมะรักษ์
โรงพยาบาลนมะรักษ์มุ่งมั่นที่จะมอบการดูแลรักษาโร คมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วยทุกท่าน เราจึงได้นำเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงมาใช้ในการวินิจฉัยและรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่แม่นยำ ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
เครื่องมือสำหรับการวินิจฉัย
1. Mammogram 3D Digital Tomosynthesis
Mammogram 3D Digital Tomosynthesis คือ เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิทัล 3 มิติ
ที่ให้ภาพเต้านมที่มีความละเอียดสูงและคมชัดกว่าเครื่องแมมโมแกรม 2 มิติแบบเดิม ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้ในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น
ข้อดีของ Mammogram 3D:
-
เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย: สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมได้มากขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับแมมโมแกรม 2 มิติ
-
ลดการตรวจเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น: ช่วยลดอัตราการเรียกกลับมาตรวจซ้ำได้ถึง 15%
-
ให้ภาพที่คมชัดและละเอียด: ช่วยให้รังสีแพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

2. Automate Ultrasound (ABUS)
Automate Ultrasound (ABUS) คือ เครื่องอัลตราซาวด์เต้านมอัตโนมัติ ที่ใช้เทคโนโลยีการสแกนแบบ 3 มิติ เพื่อสร้างภาพเต้านมที่สมบูรณ์และครอบคลุม เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้การตรวจด้วยแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
ประโยชน์ของ ABUS:
-
เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรอง: เพิ่มอัตราการตรวจพบมะเร็งเต้านมในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น
-
ให้ภาพที่ครอบคลุม: สามารถสแกนเต้านมได้ทั้งหมดในครั้งเดียว
-
ลดความคลาดเคลื่อนจากการตรวจ: เป็นการตรวจที่ได้มาตรฐานและลดความแปรปรวนจากผู้ทำการตรวจ

3. US (Ultrasound)
Ultrasound (US) หรือ การตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการตรวจวินิจฉัยโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างภาพของอวัยวะภายใน เป็นการตรวจที่ปลอดภัย ไม่มีรังสี และสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย
ประโยชน์ของ Ultrasound:
-
ปลอดภัย: ไม่มีการใช้รังสี จึงสามารถใช้ได้กับหญิงตั้งครรภ์และเด็ก
-
ให้ภาพแบบเรียลไทม์: สามารถมองเห็นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์
-
ใช้ในการนำทาง: สามารถใช้เป็นเครื่องมือนำทางในการเจาะชิ้นเนื้อหรือทำหัตถการอื่นๆ

4. AIs ช่วยอ่าน Mammogram, US
โรงพยาบาลนมะรักษ์ได้นำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยรังสีแพทย์ในการอ่านผลแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์เต้านม โดย AI จะทำหน้าที่เป็นเหมือน "ตาที่สอง" ที่ช่วยวิเคราะห์ภาพและตรวจจับความผิดปกติที่อาจมองข้ามไป
ข้อดีของ AI:
-
เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย: ช่วยลดความผิดพลาดในการอ่านผล เพิ่มอัตราการตรวจพบมะเร็ง
-
เพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัย: ช่วยให้รังสีแพทย์สามารถอ่านผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เพิ่มความมั่นใจในการวินิจฉัย: ช่วยให้รังสีแพทย์มีความมั่นใจในการวินิจฉัยมากขึ้น

เครื่องมือสำหรับการรักษา
1. IORT (Intraoperative Radiation Therapy)
IORT คือ การฉายรังสีระหว่างการผ่าตัด เป็นเทคโนโลยีการฉายรังสีแบบเข้มข้นสูงที่ทำได้ในครั้งเดียวขณะผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นที่ต้องการรักษาร่วมกับการผ่าตัดแบบสงวนเต้า
ข้อดีของ IORT:
-
ลดระยะเวลาการรักษา: ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาฉายรังสีซ้ำหลายครั้ง
-
ลดผลข้างเคียง: รังสีจะถูกฉายโดยตรงไปยังบริเวณที่เป็นมะเร็ง ทำให้เนื้อเยื่อปกติโดยรอบได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
-
เพิ่มความแม่นยำ: แพทย์สามารถมองเห็นและกำหนดเป้าหมายการฉายรังสีได้อย่างชัดเจน

2. ICG Fluorescence Camera
ICG Fluorescence Camera เป็น กล้องถ่ายภาพเรืองแสงอินฟราเรด ที่ใช้ร่วมกับสารสีอินโดไซยานีนกรีน (ICG) เพื่อช่วยให้ศัลยแพทย์มองเห็นระบบน้ำเหลืองและหลอดเลือดได้อย่างชัดเจนระหว่างการผ่าตัด
ประโยชน์ของ ICG Fluorescence Camera:
-
ลดความเสี่ยงภาวะแขนบวม: ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถระบุและหลีกเลี่ยงการตัดต่อมน้ำเหลืองที่ไม่จำเป็นได้
-
เพิ่มความปลอดภัยในการผ่าตัด: ช่วยให้มองเห็นหลอดเลือดและอวัยวะสำคัญอื่นๆ ได้ชัดเจนขึ้น
-
เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา: ช่วยให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

3. VAE, VAB (Vacuum Assisted Excision/Biopsy)
VAE และ VAB คือ การเจาะชิ้นเนื้อเต้านมโดยใช้ระบบสุญญากาศ เป็นวิธีการเจาะชิ้นเนื้อที่มีความแม่นยำสูงและทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก เหมาะสำหรับกรณีที่พบความผิดปกติในเต้านมและต้องการนำชิ้นเนื้อออกมาตรวจวินิจฉัย
ข้อดีของ VAE/VAB:
-
แผลเล็ก เจ็บน้อย: เป็นการเจาะชิ้นเนื้อผ่านผิวหนังโดยไม่ต้องผ่าตัด
-
แม่นยำสูง: สามารถเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อการวินิจฉัย
-
ฟื้นตัวเร็ว: ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติในเวลาอันรวดเร็ว

4. Cryoablation
Cryoablation คือ การรักษาเนื้องอกด้วยความเย็นจัด เป็นเทคโนโลยีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปในก้อนเนื้องอกแล้วปล่อยความเย็นจัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือมีเนื้องอกขนาดเล็ก
ข้อดีของ Cryoablation:
-
ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นการรักษาแบบ minimally invasive
-
เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว: ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกับการรักษา
-
ผลข้างเคียงน้อย: มีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อปกติโดยรอบน้อย

5. X-ray Specimen
X-ray Specimen คือ การเอกซเรย์ชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาจากการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าได้ตัดก้อนมะเร็งออกไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรค
ประโยชน์ของ X-ray Specimen:
-
เพิ่มความมั่นใจในการผ่าตัด: ช่วยให้ศัลยแพทย์มั่นใจได้ว่าได้ตัดก้อนมะเร็งออกไปหมดแล้ว
-
ลดการผ่าตัดซ้ำ: ช่วยลดความจำเป็นในการผ่าตัดซ้ำเพื่อตัดชิ้นเนื้อเพิ่มเติม
-
เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา: ช่วยให้การรักษามีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงสุด

6. SCOUT® Radar Localization System
SCOUT® Radar คือ ระบบระบุตำแหน่งก้อนเนื้อในเต้านมด้วยเทคโนโลยีเรดาร์แบบไร้สาย ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่เข้ามาทดแทนการระบุตำแหน่งด้วยลวด (Wire Localization) แบบดั้งเดิม ใช้สำหรับกรณีที่พบความผิดปกติหรือก้อนเนื้อในเต้านมที่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถคลำเจอได้
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถหาตำแหน่งของก้อนเนื้อที่ต้องการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำในระดับมิลลิเมตร โดยแพทย์จะทำการฝังตัวสะท้อนสัญญาณ (Reflector) ขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวเข้าไปในก้อนเนื้อก่อนวันผ่าตัด และในห้องผ่าตัด ศัลยแพทย์จะใช้เครื่องมือตรวจจับสัญญาณ (Handheld Guide) เพื่อค้นหาตำแหน่งของตัวสะท้อนสัญญาณได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ

ข้อดีของ SCOUT® Radar:
-
แม่นยำสูง: ช่วยให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดได้ตรงตำแหน่ง ลดการตัดเลาะเนื้อเยื่อดีโดยรอบที่ไม่จำเป็น
และช่วยให้สามารถเก็บรักษารูปทรงของเต้านมไว้ได้มากที่สุด (Breast Conserving Surgery) -
เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ป่วย: ผู้ป่วยสามารถฝังตัวสะท้อนสัญญาณล่วงหน้าได้หลายวันก่อนผ่าตัด โดยไม่มีส่วนใดๆ ยื่นออกมานอกร่างกายเหมือนการใช้ลวดแบบเดิม ทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ลดความเจ็บปวดและความกังวลก่อนการผ่าตัด
-
ลดระยะเวลาในวันผ่าตัด: ไม่ต้องเสียเวลาในการใส่ลวดระบุตำแหน่งในวันผ่าตัด ทำให้กระบวนการโดยรวมรวดเร็วยิ่งขึ้น
-
ปลอดภัยและไร้สารรังสี: ตัวสะท้อนสัญญาณและระบบตรวจจับทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเรดาร์ที่ปลอดภัย ไม่มีการใช้สารรังสีในการระบุตำแหน่ง

