top of page
image_edited_edited_edited.jpg

บริการรักษาด้วยยา

ยุคใหม่ของการรักษามะเร็ง: การใช้ยาที่มุ่งเป้าและออกแบบมาเฉพาะบุคคล

แนวทางการรักษามะเร็งในปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ยุคของ “การแพทย์แม่นยำ” (Precision Medicine) ซึ่งมุ่งเน้นการออกแบบยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อกลไกระดับโมเลกุลของเซลล์มะเร็ง
โรงพยาบาลนมะรักษ์ผสานความเชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์มะเร็งเข้ากับเทคโนโลยีชีวการแพทย์ขั้นสูง เพื่อพัฒนาแผนการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

แนวทางการรักษาด้วยยาที่โรงพยาบาลนมะรักษ์

ผสานวิทยาศาสตร์ทางพันธุกรรมเข้ากับการดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำและยั่งยืน

image.png

1. เคมีบำบัดที่สะดวกสบายและจัดการได้ (Modern Chemotherapy)

การรักษามะเร็งเต้านมด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัย เข้าถึงง่าย และลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
โรงพยาบาลนมะรักษ์ออกแบบ ระบบการให้ยา และ แนวทางการเลือกสูตรยา ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยอิงตามแนวทางเวชปฏิบัติสากล

แนวทางการเลือกสูตรเคมีบำบัด

  • พิจารณาจากชนิดของมะเร็งเต้านม (Subtype) ระยะของโรค (Stage)

  • ประเมินผลทางพยาธิวิทยา เช่น Ki-67, HER2, ER/PR status, Lymphovascular Invasion

  • วางแผนโดยทีมอายุรแพทย์มะเร็งร่วมกับศัลยแพทย์ ผ่าน Multidisciplinary Tumor Board

  • ปรับสูตรยาให้เหมาะสมกับ สุขภาพโดยรวม อายุ และการตอบสนองต่อยา

ระบบการให้ยาแบบยืดหยุ่นและปลอดภัย

  • Day Chemotherapy:
    ให้บริการในห้องเฉพาะสำหรับผู้ป่วยนอกในบรรยากาศที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว
    ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียว โดยมีทีมพยาบาลเฉพาะทางด้านเคมีบำบัด (Chemotherapy-Certified Nurse) ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการ

  • Oral Chemotherapy:
    สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องควบคุมโรคได้ด้วยยาเม็ด
    เพิ่มความสะดวกในการรักษาต่อเนื่องที่บ้าน โดยมีระบบ ติดตามอาการและผลข้างเคียง ผ่านการนัดหมายหรือรายงานผ่านระบบออนไลน์

  • Pre-medication Protocol:
    ระบบจัดเตรียมยาก่อนให้เคมีบำบัดที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน เช่น การให้ยาแก้แพ้ ยาลดคลื่นไส้ ก่อนการให้ยาเคมี
    ยาทั้งหมดได้รับการจัดเตรียมล่วงหน้าโดยทีมเภสัชกร พร้อมกล่องแยกตามสูตรเฉพาะราย

บริการเสริมสนับสนุน

  • การประเมินภาวะก่อนให้ยา (Pre-chemo Assessment) ทุกครั้ง

  • ระบบแจ้งเตือนนัดหมายและประเมินอาการหลังให้ยา

  • บริการติดตามผ่าน LINE OA / โทรกลับโดยพยาบาลกรณีมีอาการผิดปกติ

2. ยาพุ่งเป้า ภูมิคุ้มกันบำบัด และยาต้านฮอร์โมน

(Targeted, Immuno & Hormonal Therapy)

การรักษามะเร็งเต้านมในยุค Precision Medicine มุ่งเน้นการใช้ยาอย่างจำเพาะเจาะจงกับลักษณะชีวโมเลกุลของเซลล์มะเร็งเพื่อลดผลข้างเคียง และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาในผู้ป่วยแต่ละราย
 

2.1  Targeted Therapy (ยาพุ่งเป้า)

  • ออกฤทธิ์จำเพาะกับโปรตีนหรือกลไกเฉพาะของเซลล์มะเร็ง เช่น HER2, PIK3CA, AKT, ESR1

  • ช่วยลดการทำลายเซลล์ปกติ และสามารถใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

กลุ่มยาที่ใช้บ่อยในมะเร็งเต้านม:

  • HER2-Directed Therapy: (เช่น Trastuzumab, Pertuzumab, Lapatinib, Tucatinib)
    → ใช้ในผู้ป่วยที่มี HER2 Positive

  • CDK4/6 Inhibitors: (เช่น Palbociclib, Ribociclib, Abemaciclib)
    → ยับยั้งวงจรเซลล์มะเร็ง ใช้ร่วมกับยาต้านฮอร์โมนในผู้ป่วย HR+/HER2-
    → ช่วยยืดระยะเวลาไม่ให้โรคกำเริบ และลดการใช้เคมีบำบัด

  • PI3K Inhibitors: (เช่น Alpelisib)
    → ใช้ในผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีน PIK3CA

  • mTOR Inhibitors: (เช่น Everolimus)
    → เสริมฤทธิ์ในผู้ป่วยที่ดื้อต่อยาต้านฮอร์โมน

2.2 ADC – Antibody-Drug Conjugates (แอนติบอดีจับยาเคมีบำบัดเฉพาะจุด)

นวัตกรรมใหม่ที่ผสานความจำเพาะของแอนติบอดีเข้ากับฤทธิ์ของยาเคมีบำบัด
ส่งยาเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งแบบตรงเป้าหมาย โดยไม่กระทบเซลล์ดี

กลุ่มยา ADC ที่ใช้ในมะเร็งเต้านม:

  • T-DM1 (Trastuzumab Emtansine): สำหรับ HER2-positive

  • T-DXd (Trastuzumab Deruxtecan): ใช้ได้ทั้ง HER2-positive และ HER2-low
    → ช่วยขยายทางเลือกการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่เคยไม่ได้รับยาในกลุ่มนี้

  • Sacituzumab Govitecan: สำหรับ Triple Negative Breast Cancer ที่แพร่กระจาย และดื้อต่อการรักษาอื่น

ข้อดี:

  • ความจำเพาะสูง

  • ลดผลข้างเคียงต่อระบบอื่น

  • เหมาะสำหรับผู้ป่วยระยะแพร่กระจายหรือดื้อต่อการรักษาเดิม

2.3 Immunotherapy (ภูมิคุ้มกันบำบัด)

  • ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด Triple-Negative Breast Cancer (TNBC)

  • อาศัยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็ง

  • ยาตัวอย่าง: Pembrolizumab

  • ใช้ร่วมกับเคมีบำบัด 

  • สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแพร่กระจายต้องมีผลตรวจ PD-L1 positive

2.4 Hormonal Therapy (ยาต้านฮอร์โมน)

  • เหมาะสำหรับมะเร็งชนิด Hormone Receptor Positive (ER/PR+)

  • ยับยั้งการกระตุ้นเซลล์มะเร็งโดยฮอร์โมน

  • แบ่งเป็น:

    • SERM: เช่น Tamoxifen

    • Aromatase Inhibitors: เช่น Letrozole, Anastrozole, Exemestane

    • SERD: เช่น Fulvestrant

    • OFS (Ovarian Function Suppression)การยับยั้งการทำงานของรังไข่เพื่อควบคุมฮอร์โมนในมะเร็งเต้านม เช่น Goserelin 

  • ใช้ร่วมกับยาอื่น (เช่น CDK4/6 Inhibitors) ในผู้ป่วยระยะแพร่กระจายหรือดื้อต่อฮอร์โมน

การวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลด้วยข้อมูลพันธุกรรม

(Precision Oncology & Molecular Monitoring)
ยุคใหม่ของการรักษามะเร็งมุ่งเน้น “การวางแผนรายบุคคล” โดยอิงจากข้อมูลทางพันธุกรรมของทั้งตัวโรคและตัวผู้ป่วย
โรงพยาบาลนมะรักษ์นำเทคโนโลยีชีวโมเลกุลมาใช้เพื่อวิเคราะห์กลไกที่ซ่อนอยู่ในระดับเซลล์
ช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาได้ตรงจุด ประเมินประสิทธิภาพ และปรับแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำตลอดกระบวนการ

1. Tumor Genomic Profiling

  • การถอดรหัสพันธุกรรมของเซลล์มะเร็ง เพื่อตรวจหาการกลายพันธุ์หรือความผิดปกติของยีน เช่น PIK3CA, ESR1

  • ข้อมูลที่ได้ช่วยกำหนดแนวทางการเลือกใช้ Targeted Therapy วิเคราะห์ความสามารถในการตอบสนองต่อยา และโอกาสเกิดผลข้างเคียง

2. Liquid Biopsy (ตรวจ DNA ของมะเร็งจากเลือด)

  • ตรวจหา ctDNA (Circulating Tumor DNA) จากเลือด

  • ช่วยติดตามผลการรักษา ประเมินการตอบสนอง หรือการดื้อยาที่อาจเกิดขึ้นก่อนแสดงอาการ

  • สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการ ปรับแผนการรักษาแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเจาะชิ้นเนื้อซ้ำ

การประชุมทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ

(Multidisciplinary Tumor Board)

  • ผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับการพิจารณาในที่ประชุมร่วมของแพทย์จากหลายสาขา เช่น อายุรแพทย์มะเร็ง ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ และพยาธิแพทย์

  • ช่วยให้ได้แผนการรักษาที่รอบด้าน ปลอดภัย และเหมาะสมที่สุด

ร่วมออกแบบแผนการรักษาที่แม่นยำ ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการรักษาด้วยยา หรือทำนัดเพื่อปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโดยเฉพาะ

 

แพทย์โรงพยาบาลนมะรักษ์
bottom of page