top of page
image_edited_edited_edited.jpg

บริการตรวจวินิจฉัย
แม่นยำ ครบถ้วนเพื่อแผนการรักษาที่ตรงจุด

การวินิจฉัยโรคเต้านมอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก คือกุญแจสำคัญในการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด โรงพยาบาลนมะรักษ์ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อยืนยันชนิดของโรค วางแผนรักษา ลดความเสี่ยงจากการวินิจฉัยผิดพลาด และระบุชนิดของโรคอย่างแม่นยำ พร้อมนำไปสู่การดูแลรักษาแบบเฉพาะราย

การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy): ขั้นตอนสำคัญก่อนเริ่มการรักษามะเร็งเต้านม

เมื่อตรวจพบความผิดปกติจากแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์ แพทย์จะประเมินความเสี่ยง (เช่น BIRADS 4-5) และแนะนำการเจาะชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา ช่วยยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ พร้อมระบุชนิดของเซลล์และลักษณะทางชีวโมเลกุลเพื่อวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล

จุดเด่นที่โรงพยาบาลนมะรักษ์

ทีมแพทย์เชี่ยวชาญ

ตรวจชิ้นเนื้อโดยรังสีแพทย์และศัลยแพทย์เฉพาะทางเต้านม

เทคโนโลยีทันสมัย

ใช้เทคโนโลยีการนำทางด้วยอัลตราซาวด์หรือแมมโมแกรม

สะดวก ปลอดภัย

เจ็บน้อย แผลเล็ก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

รวดเร็ว

รู้ผลชิ้นเนื้อภายใน 3-5 วันทำการ

ครบวงจร

หากผลชิ้นเนื้อเป็นมะเร็ง ย้อมชนิดมะเร็งทันทีไม่ต้องรอ

ติดตามแม่นยำ

วาง Titanium Marker สำหรับการติดตามหรือวางแผนผ่าตัด

เทคนิคการตัดชิ้นเนื้อ

เพิ่มความแม่นยำของการเจาะตัดชิ้นเนื้อ ด้วย

  • Ultrasound-Guided CNB ก้อนที่เห็นชัดในอัลตราซาวด์ทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่ แผลเล็ก ไม่ต้องผ่าตัด

  • Stereotactic Biopsy Vacuum-Assisted Biopsy (VAB)หากต้องทำ เพื่อเจาะหินปูนหรือรอยโรคที่มองไม่เห็นในอัลตราซาวด์ ไม่แนะนำให้ใช้เข็ม Core ธรรมดา เนื่องจากอาจได้ชิ้นเนื้อไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องเจาะซ้ำ เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น และเพิ่มความเครียดของผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น

เปรียบเทียบ Core Needle Biopsy กับ Vacuum-Assisted Biopsy

  • Core Needle Biopsy (CNB) แผลขนาด 3–5 มม. เข็มตัดชิ้นเนื้อได้ครั้งละ 1 ชิ้น ตัดอย่างน้อย 5-6 ครั้ง เพื่อให้ได้เนื้อเพียงพอกับการวินิจฉัย ความแม่นยำ มากกว่า 95–98% ขึ้นอยู่กับจำนวนชิ้นเนื้อที่ตัด และความชำนาญของแพทย์ผู้เจาะตัดชิ้นเนื้อ

  • Vacuum-Assisted Biopsy (VAB) แผลขนาด 3–5 มม. เป็นเข็มดูดสุญญากาศพร้อมระบบตัดอัตโนมัติ ตัดเนื้อได้หลายชิ้นภายในการเจาะครั้งเดียว ได้เนื้อปริมาณมากกว่า ความแม่นยำ 99–100% เหมาะกับหินปูน รอยโรคขนาดเล็ก ที่เห็นเฉพาะในแมมโมแกรม และมีการวางคลิปไทเทเนียมขนาดเล็กภายหลังการเจาะชิ้นเนื้อ เพื่อระบุตำแหน่งของก้อนอย่างแม่นยำในกรณีที่ต้องผ่าตัดภายหลัง หรือใช้ในการติดตามผลทางรังสีและผลการรักษา

ขั้นตอนการเข้ารับบริการ

  1. กรณีเป็นผู้รับบริการที่มาตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลนมะรักษ์ สามารถเจาะตรวจชิ้นเนื้อได้เลยในวันเดียวกันหรือในวันที่ผู้รับบริการสะดวก หลังจากที่ศัลยแพทย์ได้ทำการตรวจและแนะนำแนวทางการดูแลรักษาแล้ว

  2. สำหรับผู้ที่นำผลการตรวจมาจากภายนอก ให้นัดพบศัลยแพทย์ เพื่อทำการตรวจแมมโมแกรมและอัลตรซาวด์เพื่อยืนยันผลการวินิจฉัยและข้อบ่งชี้และความจำเป็น ก่อนทำการนัดเจาะตรวจชิ้นเนื้อ

  3. ก่อนทำการตรวจชิ้นเนื้อทางโรงพยาบาลเจาะทำการประเมินความเสี่ยงเรื่องเลือดออกผิดปกติ ด้วยการตอบแบบสอบถามคัดกรองความเสี่ยง การตรวจทางห้องปฏิบัติการดูค่าเม็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือดว่าผิดปกติหรือไม่ ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด วิตามินอี น้ำมันปลา (FISH oil) แนะนำให้หยุดรับประทานก่อนการเจาะตรวจชิ้นเนื้ออย่างน้อย 7 วัน

  4. หลังจากเจาะตรวจชิ้นเนื้อแล้วทางโรงพยาบาลจะมีการโทรติดตามอาการหลังเจาะตรวจชิ้นเนื้อโดยพยาบาลในวันรุ่งขึ้น และนัดพบแพทย์เพื่อดูแผลและผลชิ้นเนื้อหลังจากเจาะตรวจชิ้นเนื้อประมาณ 3-5 วันหลังจากเจาะชิ้นเนื้อ

ค่าบริการโดยประมาณ

  • เจาะด้วยเข็มขนาดเล็กดูดเซลล์มาตรวจร่วมกับอัลตราซาวน์ (Ultrasound Guide FNA:Fine needle aspiration)

    • ค่าบริการรวมค่าชิ้นเนื้อประมาณ 11,000-13,000 บาท ต่อจุด

  • เจาะตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มขนาดใหญ่ร่วมกับอัลตราซาวน์ (Ultrasound Guide core Biopsy)

    • ค่าบริการรวมค่าชิ้นเนื้อประมาณ 25,000-29,000 บาท ต่อจุด

  • เจาะตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มขนาดใหญ่ร่วมกับแมมโมแกรม (Stereotactic Vacuum Core Biopsy)

    • ค่าบริการรวมค่าชิ้นเนื้อประมาณ 63,000-69,000 บาท ต่อจุด ค่าบริการดังกล่าวรวม Titanium marker แล้ว

ระยะเวลา(Cycle time)

เวลาการตรวจทางห้องปฏิบัติการดูค่าเม็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด ประมาณ 1 ชั่วโมง

เจาะตรวจชิ้นเนื้อ ประมาณ 1 ชั่วโมง

รายงานผลชิ้นเนื้อจะได้รับ ประมาณ 3 วันทำการ

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนมาโรงพยาบาล

  • ประวัติการรักษาพยาบาลเดิม(หากมี)

  • ผลการทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวน์ ทั้งผลการรายงานและภาพที่บันทึกในรูปแบบซีดีภาพทางการแพทย์(ระบบPACs)

ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องนัดพบก่อนทำการเจาะตรวจชิ้นเนื้อ

  1. รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน

  2. พญ.ปวีณา เลือดไทย

  3. พญ.เสริมศรี พงษ์รัตนกุล

  4. ผศ.นพ.ธงชัย ศุกรโยธิน

  5. นพ.มาวิน วงศ์สายสุวรรณ

บริการ 2nd Opinion

เป็นบริการ “ความเห็นที่สอง” จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะ

🩺บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยได้รับการวินิจฉัยหรือวางแผนการรักษาจากที่อื่นมาแล้ว และต้องการความเห็นเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ

บริการนี้ช่วยอะไร?

  • ยืนยันการวินิจฉัย: ตรวจสอบความถูกต้องของผลการวินิจฉัยโรค

  • ประเมินแผนการรักษา: ทีมแพทย์จะช่วยพิจารณาว่าแผนการรักษาเดิมมีความเหมาะสมหรือไม่ และมีทางเลือกอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากกว่า

  • สร้างความมั่นใจ: ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมั่นใจและหมดข้อสงสัยก่อนตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป

 

บริการ Precision Investigation (การวินิจฉัยที่แม่นยำ)

ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถระบุชนิดและระยะของมะเร็งได้อย่างจำเพาะเจาะจง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine)

กระบวนการนี้ครอบคลุมอะไรบ้าง?

  • เทคโนโลยีขั้นสูง: ใช้เครื่องมือที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและแม่นยำสูง เช่น การตรวจแมมโมแกรมระบบดิจิทัล (Digital Mammogram), อัลตราซาวนด์ความละเอียดสูง, และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

  • การเจาะชิ้นเนื้อ: การนำชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาโดยทีมพยาธิแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อระบุชนิดของเซลล์มะเร็งได้อย่างถูกต้อง

  • การตรวจลึกระดับยีน: ในบางกรณีอาจมีการตรวจยีนมะเร็ง (Genomic Testing) Somatic Mutation: การกลายพันธุ์เฉพาะในเซลล์มะเร็ง เช่น PIK3CA, ESR1, TP53 เพื่อใช้กำหนดยาพุ่งเป้าและแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำ เพื่อประเมินการตอบสนองต่อยาบางชนิด ทำให้สามารถเลือกการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น

  • วิเคราะห์รหัสพันธุกรรมเพื่อค้นหาความผิดปกติระดับโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง Germline Mutation: การกลายพันธุ์ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น BRCA1/2 ซึ่งมีผลต่อความเสี่ยงมะเร็งและการดูแลครอบครัว

image.png
bottom of page