ยาคุมกำเนิดกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
- Youwanush Kongdan
- 27 ม.ค.
- ยาว 1 นาที
ยาคุมกำเนิดกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านม:
ความสัมพันธ์ระหว่างยาคุมกำเนิดและความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมเป็นหัวข้อที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของยาคุมกำเนิด อายุ ระยะเวลาการใช้ ประวัติสุขภาพส่วนบุคคล และประวัติครอบครัว
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งเต้านมจากการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน
การศึกษาแบบเมตาอะนาไลซิส (Meta-analysis) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น พบว่าผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดในปัจจุบันหรือหยุดใช้ไปไม่นาน มีความเสี่ยงสัมพัทธ์ (Relative Risk) ต่อการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่เคยใช้ยาคุมกำเนิดเลย การศึกษาระยะยาวในสหราชอาณาจักร (UK Biobank) ก็ให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน โดยพบว่าความเสี่ยงสัมพัทธ์เพิ่มขึ้นประมาณ 23% สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม (Combined Hormonal Contraceptives) และ 26% สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว (Progestogen-only Contraceptives)
ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมยาคุมกำเนิดประเภทใดบ้าง?
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้พบได้ในยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนทุกรูปแบบ ทั้งแบบฮอร์โมนรวม (ที่มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) และแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ซึ่งรวมถึง:
ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral Contraceptives): ทั้งแบบฮอร์โมนรวมและแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable Contraceptives): มักเป็นยาฉีดโปรเจสโตเจน
ยาฝังคุมกำเนิด (Implantable Contraceptives): มักเป็นยาฝังโปรเจสโตเจน
ห่วงอนามัยชนิดที่ปล่อยฮอร์โมน (Hormonal Intrauterine Device - IUD): มักเป็นชนิดที่ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยง
อายุและระยะเวลาในการใช้: ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะก่อนการตั้งครรภ์ครั้งแรก อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ผู้หญิงอายุ 45 ปีขึ้นไปที่ยังใช้ยาคุมกำเนิด อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงที่หยุดใช้ไปแล้ว
ประวัติครอบครัว: ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในญาติสายตรง (แม่ พี่สาว น้องสาว) อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยาคุมกำเนิด
ความเสี่ยงโดยรวม (Absolute Risk): แม้ว่าความเสี่ยงสัมพัทธ์จะเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงสัมบูรณ์ หรือโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมจริง ๆ ยังคงต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุน้อย ตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งพบว่า สำหรับผู้หญิงอายุ 35-39 ปี ที่ใช้ยาคุมกำเนิด ความเสี่ยงสัมบูรณ์ที่จะเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 0.2% ในช่วงเวลา 15 ปี
ผลกระทบชั่วคราว: ความเสี่ยงลดลงเมื่อหยุดใช้
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากหยุดใช้ และหลังจากผ่านไปประมาณ 5-10 ปี ความเสี่ยงจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับผู้ที่ไม่เคยใช้ยาคุมกำเนิด
ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงและประโยชน์: การตัดสินใจที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
แม้การใช้ยาคุมกำเนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเล็กน้อย แต่ยาคุมกำเนิดก็มีประโยชน์มากมาย เช่น:
การป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูง: ยาคุมกำเนิดเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก: การใช้ยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบฮอร์โมนรวม สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของมะเร็งทั้งสองชนิดนี้
อาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่: งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่ายาคุมกำเนิดอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล
ประโยชน์อื่นๆ: ยาคุมกำเนิดยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ลดความรุนแรงของสิว และทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ
ดังนั้น การตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิดจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงและประโยชน์ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคล ประวัติครอบครัว โรคประจำตัว และปัจจัยอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สรุป
การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อการเกิดมะเร็งเต้านม แต่ความเสี่ยงนี้เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว และจะลดลงหลังจากหยุดใช้ยา ความเสี่ยงสัมบูรณ์ยังคงต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุน้อยและใช้ยาคุมกำเนิดในช่วงวัยเจริญพันธุ์
การใช้ยาคุมกำเนิดควรเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างคุณและแพทย์ โดยพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพ ประวัติครอบครัว ความต้องการ และความกังวลของคุณอย่างละเอียด แพทย์จะสามารถให้คำแนะนำและข้อมูลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้อง
Comments